Glad ย้ายมาอยู่ที่อเมริกาและทำงานได้สักพัก มีเงินเก็บอยู่บ้าง และเริ่มสนใจว่าควรจะบริหารจัดการวางแผนชีวิตทางการเงินของตัวเองยังไง เริ่มศึกษาไปเรื่อยๆผ่าน Youtube บ้าง Google บ้าง และ สิ่งที่ Glad เห็นอยู่บ่อยๆคือกฏที่เรียกว่า 50/30/20 Budget Rule วิธีแบ่งเงินเป็นสัดส่วน จากหนังสือ All Your Worth: The Ultimate Lifetime Money Plan ของ Senator Elizabeth Warren
50/30/20 Budget Rule คืออะไร?
Budget Rule แนะนำให้เราจัดการรายได้ให้เป็นสัดส่วนกับรายจ่ายและเงินออม โดยรายได้นี้ คือ net incomes หรือยอดเงินรายได้หลังจากหักภาษีแล้ว
50%: สิ่งจำเป็น
สิ่งจำเป็นที่พูดถึงคือ ค่าเช่าหรือผ่อนบ้าน ค่าโทรศัทพ์ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่า internet utility ต่างๆ ค่ารถ และค่าอาหารภายในบ้าน ในแต่ละเดือน พูดง่ายๆคือค่าใช้จ่ายที่เราจำเป็นต้องจ่ายต่อเดือน เราควรมาคำนวณก่อนว่า 50 เปอร์เซ็นต์ของรายได้เราในแต่ละเดือน ครอบคลุมค่าใช้จ่ายสำหรับส่วนนี้หรือเปล่า
30%: สิ่งที่ต้องการ
เราทำงานมีรายได้แล้ว เราก็อยากใช้ชีวิตให้คุ้มค่าและมีความสุข เราจะแบ่ง 30 เปอร์เซ็นต์นี้ ไว้สำหรับสิ่งที่เราต้องการซื้อและสิ่งฟุ่มเฟือยต่างๆ อย่างเช่น shopping เสื้อผ้ากระเป๋า ของตกแต่งบ้าน สิ่งที่อยากได้ เก็บเงินไปเที่ยว ของขวัญวันเกิดเพื่อน ของขวัญวันคริสต์มาส หรือสิ่งที่เรา list ไว้ว่าจะซื้อช่วง Thanksgiving ตอนลดราคา หรือแม้กระทั้งการออกไปทานข้าวข้างนอกบ้านก็รวมอยู่ในหมวดหมู่นี้ด้วย เรียกง่ายๆว่า ค่าใช้จ่ายในส่วนที่ไม่จำเป็นนั่นเอง
20%: เงินเก็บ
Glad เก็บเงินในส่วนนี้มาสักพัก แต่สิ่งที่ Glad ทำคือเกือบไว้ใน Saving Account ธรรมดา ที่ได้ดอกเบี้ยธนาคารไม่ถึง 1% ต่อปี คิดง่ายๆว่า ถ้ามีเงินในบัญชี $1000 ดอกเบี้ยที่เราได้ต่อปี อย่างมากก็ไม่ถึง $10 แต่ถึงแม้ดอกเบี้ยที่ได้จะน้อย แต่เงินที่เราเก็บไว้ใน saving account แทบจะไม่มีความเสี่ยงเลย ไม่ต้องกังวลว่าเงินเราจะหายไปไหน หรือ จะขึ้นจะลงตามสถานการณ์บ้านเมือง และอีกอย่างคือ ถ้าเรามีเงินเก็บสำหรับยามฉุกเฉินไว้ใน saving account สักนิดก็คงอุ่นใจไม่น้อย
เงินเก็บยามฉุกเฉิน (Emergency Fund)
ก่อนตัดสินในลงทุนหรือแบ่งเงินเก็บของเราไปทำอย่างอื่น เราควรมีเงินเก็บสำหรับ emergency fund หรือเงินในยามฉุกเฉินซะก่อน Glad สำรองเงินไว้ ให้เทียบเท่ากับเงินที่เราจำเป็นต้องใช้สัก 3 เดือน เพราะถ้าหากเรามีปัญหา ขาดรายได้ หรือตกงาน เราก็ยังมีเงินส่วนนี้ให้สำรองใช้ และตั้งตัวได้ภายใน 3 เดือน ลองดูกันนะคะ ว่าเรามีเงินเก็บฉุกเฉินส่วนนี้แล้วรึยัง
ลงทุนหุ้นกับเงินเก็บ
ทุกคนอาจจะเคยได้ยินประโยคนี้บ่อยๆ “การลงทุนมีความเสี่ยง” ซึ่งเป็นเรื่องจริงค่ะ เราอาจจะทำผลกำไรได้มากจากการลงทุน แต่เราก็มีโอกาสเสียผลกำไรได้เช่นกัน เงินที่เราจะเอามาลงทุนควรเป็น “เงินเย็น” คือเงินที่เราหาสูญเสียมันไป เราจะไม่เดือดร้อน(มากนัก)
สำหรับ Glad พอ มีเงิน Emergency Fund อยู่บ้างแล้ว ในส่วนของ 20% เนี่ย Glad ก็เอามาลงทุนหุ้นแทน แต่!!!! Glad ไม่ได้ดึงเอาทั้ง 20% มาใส่ในหุ้นนะคะ ลองคิดดูว่า ถ้าหุ้นเราตกมากๆ เราขาดทุน มองเห็นเงินใน บัญชีที่มีแค่ Emergency Fund จิตใจเราจะหดหู่ขนาดไหน คิดแค่นี้ก็เศร้าแล้วค่ะ Glad เลยยังแบ่ง 5% ของรายได้เดือนนั้นๆ เก็บไว้ใน saving account และดึง อีก 15% ออกมาเพื่อลงทุนในหุ้นค่ะ แต่ใครที่อยากเริ่มต้นไม่เยอะ แรกๆ ก็เปลี่ยนจาก 5:15 เป็น 10:10 หรือในสัดส่วนอื่นๆก็ได้ค่ะ แล้วแต่ความสะดวกและสบายใจของเรา
เปิดบัญชีพอร์ตหุ้น (Brokerage Account)
สิ่งที่เราต้องมีหลักๆ ในการเปิดบัญชีหุ้นที่อเมริกาคือ Social Security Number (SSN) หรือ Tax Identification Number (TIN) เพื่อใช้ในการ approve การเปิดบัญชี ยืนยันตัวตนของเราและยื่นภาษีเงินได้ในอเมริกา
เราสามารถเปิด Brokerage Account กับ บริษัทที่เค้ามี broker ให้เค้าช่วยบริหารจัดการการซื้อขายหุ้นของเราได้ ข้อดีคือเขามีความรู้ และ analysis เรื่องนี้มากกว่าเราและอาจจะจัดการกับการลงทุนได้ดีกว่าเรา แต่ข้อเสียคือเราต้องเสีย management fee หรือค่าบริหารจัดการให้เขาด้วย
แต่เราไม่จำเป็นต้องเปิดบัญชีกับ expert ค่ะ เราสามารถเปิดบัญชีจัดการซื้อขายหุ้นด้วยตัวเองได้เหมือนกัน โดยที่เราไม่ต้องเสียค่า fee ใดใด ยุคนี้เราสามารถหาความรู้จาก internet และ Youtube ได้ตลอดอยู่แล้ว
ที่อเมริกา มี 2 application หลักๆ ที่คนส่วนใหญ่รู้จัก คือ WeBull และ Robinhood โดยที่ทั้งคู่ ไม่มีค่าธรรมเนียมใดๆ $0 commision และ trading fee เงินขึ้นต่ำที่ต้องมีในบัญชี ก็คือ $0 เรียกง่ายๆว่า เริ่มต้นเนี่ย ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมอะไรเลย สามารถใช้งานได้ทั้งบน web browser และ download application บนมือถือ ซึ่งสามารถซื้อขายผ่านทั้งสองทางได้เลยค่ะ
WeBull VS Robinhood
เรามาดูข้อเหมือนและต่างของทั้งคู่คร่าวๆกันค่ะ
WeBull | Robinhood |
---|---|
Free 2 stocks ถ้าสมัครผ่านลิงค์นี้ และมีเงินใน account ขั้นต่ำ $100 ภายใน 30 วัน หลังจากเปิดบัญชี | Free 1 stock เมื่อสมัครผ่านลิงค์นี้ และ link bank account กับบัญชี |
ซื้อขายได้ทั้งบนเว็บไซต์และมือถือ | ซื้อขายได้ทั้งบนเว็บไซต์และมือถือ |
ไม่มีค่า fee ใดๆ สำหรับ account เบื้องต้น | ไม่มีค่า fee ใดๆ สำหรับ account เบื้องต้น |
ซื้อขายแบบ Fraction Share ไม่ได้ | ซื้อขายแบบ Fraction Share ได้ |
Trade Crypto Currency ได้ | Trade Crypto Currency ได้ |
มี Paper Trading Platform (Trading simulator) ฝึกซ้อมการซื้อขายโดยไม่ใช้เงินจริง | ไม่มี Paper Trading |
นอกเหนือจาก Brokerage Account สำหรับหุ้นแล้ว ยังมี offer IRA account ด้วย | ไม่มี offer IRA Account |
สมัครยังไง: Sign Up Bonus ได้ Stock ฟรี
WeBull
สมัครผ่านลิงค์ด้านล่าง ได้ลุ้น Free 2 stocks เมื่อมีเงินใน account ขั้นต่ำ $100 ภายใน 30 วัน หลังจากเปิดบัญชี Stock ที่ได้ฟรี มีลุ้นมูลค่าตั้งแต่ Share ละ $8 – $2000
Robinhood
สมัครผ่านลิงค์ด้านล่าง ได้ลุ้น Free 1 stock เมื่อ link bank account กับบัญชี brokerage
ได้หุ้นฟรีอะไรกันบ้าง อย่าลืมมาแชร์กันนะคะ ^_^
หมายเหตุ
บทความนี้เขียนขึ้นเพื่อแชร์ประสบการณ์ และความคิดเห็นในการจัดการเงินเท่านั้น ผู้อ่านควรใช้วิจารณญาณและศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุนค่ะ